กิจกรรมวอร์มอัพประจำวัน เกมสร้างประโยคสุภาษิต
คลาสวันที่ 5 อาจารย์ทีน่าจะโฟกัสเรื่อง “การเล่าเรื่องราว (Storytelling)” และการคิดสร้างสรรค์ภายใต้ความกดดัน แต่ก่อนจะเริ่มเนื้อหาก็ต้องผ่านการวอร์มอัพซะก่อน กิจกรรมวันนี้คือ การต่อคำจนเป็นประโยคให้เหมือนสุภาษิต (ไม่ต้องคิดจริงจังนะว่าต้องเป็นคำสุภาษิต)
เมื่อประโยคสมบูรณ์ ทุกคนต้องทำท่าตามที่เตี๊ยมไว้ และพูดว่า เยสๆๆๆๆ..
กติกามีอยู่ว่า แต่ละคนจะพูดคำหนึ่งคำเพื่อสร้างเป็นประโยคให้สมบูรณ์ หลังจากพูดเสร็จ คนต่อไปก็พูดคำต่อไป พอได้ประโยคที่สมบูรณ์แล้ว ทุกคนก็จะพูดว่า เยสๆๆๆ แล้วก็เริ่มพูดคำของประโยคใหม่ พูดจนครบทุกคนอย่างสนุกสนานแล้ว ก็แยกย้ายเตรียมเรียนหนังสือกันเลย
หัวข้อคลาสวันนี้คือ การบอกเล่าเรื่องราว
คลาสในวันนี้อาจารย์ทีน่าจัดขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนเตรียมพรีเซนเทชันของโปรเจ็คที่ได้มอบหมายให้ไปทำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องราว (Storytelling)
การเล่าเป็นเรื่องราวเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ไม่ว่าเราจะไปนำเสนอไอเดียทางธุรกิจ หรือการพยายามจะทำให้เด็กๆ เชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะทุกๆ การสื่อสารมันคือเรื่องราวทั้งสิ้น
สิ่งสำคัญในการเล่าเรื่องราวอันดับแรก คือ ประโยคดึงใจ (Hook) หรือ ฮุค เราต้องหา ฮุค ที่ทำให้เกิดอารมณ์ประหลาดใจ, ความกลัว, ความแปลกตา หรือสรุปรวมคือ ฮุคที่สร้างอารมณ์ (Emotional Hook)
อาจารย์ทีน่าได้ยกตัวอย่าง ฮุค จากหนังสือ 5 เล่ม มาแสดง
ประโยคดึงใจจากหนังสือ 5 เล่ม
โดยตัวอย่างที่ 5 มาจากหนังสือของอาจารย์ทีน่าเองล่ะ (หนังสือ น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20)
จากนั้นอาจารย์ก็แสดงวิดีโอของรุ่นพี่ที่ชนะใจอาจารย์ให้กับนักเรียนได้ดูกัน 3 คลิป ในงาน Innovation Tournament ที่จัดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่าน โดยโจทย์ที่อาจารย์มอบหมายคือ ให้แต่ละทีมสร้างคุณค่าให้กับสิ่งของที่ได้รับให้มากที่สุด หนึ่งในสิ่งของที่ใช้ประกวดก็คือ สายรัดข้อมือ
สายรัดข้อมือดูแบนด์ ใส่แล้วต้องทำ
นักเรียนกลุ่มนี้เล่าเรื่องราวว่า คนเรามีสิ่งที่อยากทำมากมาย แต่ก็ไม่ได้ทำสักที เลยคิดนำเสนอคอนเซปต์สายรัดข้อมือซึ่งมีกฎการใช้งานง่ายๆ เพียง 3 ข้อ คือ
ผลลัพธ์จากผู้คนที่ใส่ดูแบนด์
ผลลัพธ์ของแคมเปญนี้ทำให้เกิดเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงดีๆ ขึ้นมากมาย เช่น
เชือกรองเท้าถูกเครื่องดูดฝุ่นดูดเข้าไป
การเล่าเรื่องราวของนักเรียนกลุ่มที่ 2 เริ่มด้วยการชี้ให้เห็นปัญหาของสายผูกเชือกรองเท้า บางทีมันก็ไปติดกับล้อซี่จักรยาน, หรือไปติดกับเครื่องดูดฝุ่น
เพื่อนกลั่นแกล้งเอาเชื่อกรองเท้ามาผูกให้เราเดินสะดุด
ซ้ำร้ายไปอีก ยังทำให้ตกเป็นเป้าให้เพื่อนได้กลั่นแกล้งอีกด้วย
ชูแบนส์ (Shoe Bands) คือทางออก
ทางออกที่นำเสนอคือ ให้หันมาใช้สายรัดรองเท้า (Shoe Bands) แทนเชือกผูกรองเท้า
ตัวอย่างคือ เพื่อนไม่สามารถแกล้งได้อีกแล้ว
แล้วทุกปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นจะไม่พบอีกเลย
ใช้การเล่าเรื่องราวว่ามีทีม R&D เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ทางทีมยังมีเล่าเรื่องสร้างความน่าเชื่อถือใหักับตัวสินค้าอีก ทั้งมีการวิจัยและพัฒนาวัสดุ
เล่าเรื่องราวจากเหตุการณ์ให้เห็นภาพ
แล้วยกตัวอย่างกรณีคนที่ไม่ใช้สายรัดรองเท้า ที่ถูกหมีทำร้าย เพราะสะดุดเชือกรองเท้าตัวเอง ทำให้วิ่งหนีไม่ทัน
แสดงตัวอย่างคนที่ใช้สินค้า
รวมถึงตัว CEO ของบริษัทก็ใช้สายรัดรองเท้าเหมือนกัน ดูแล้วสร้างความตลก สนุกสนานได้ไม่น้อยทีเดียวครับสำหรับการนำเสนอเรื่องราวของนักเรียนกลุ่มนี้
ต้นไม้ที่คอยให้คนมาเขียนห้อยความปรารถนา
สำหรับคลิปวิดีโอตัวอย่างที่ 3 นี้ อาจารย์ทีน่าบอกว่าชื่นชอบเป็นพิเศษเลย เพราะนักเรียนกลุ่มนี้ ล้มเหลวในการพยายามสร้างคุณค่าของสายรัดข้อมือ แต่สุดท้ายการนำเสนอของกลุ่มกลับนำเอาความล้มเหลวนี้มาเป็นจุดเด่นแล้วเปลียนมันให้กลายเป็น ฮุค จนประสบความสำเร็จ
นักเรียนกลุ่มนี้มาจากคณะวิศวะ, หมอ, ธุรกิจ ก็ได้ไปชนะเลิศในการแข่งขันของมหาลัยด้วย ซึ่งเข้าใจได้ไม่ยากเลย จากความสำเร็จของพวกเขา เพราะจากวิดีโอนี้ทำให้รู้เลยว่า พวกเค้าเข้าใจถึงคุณค่าของการทำตัวต้นแบบอย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะลองใหม่อีกครั้งๆ และยอมรับความผิดพลาด
นี่คือวิดีโอที่นักเรียนกลุ่มนี้ได้นำเสนอครับ
มีการ์ดมาห้อยรอบต้นไม้จำนวน 14 ใบ
คอนเซ็ปต์ของนักเรียนกลุ่มนี้คือ การสร้างต้นไม้แห่งความปรารถนา ให้คนที่ได้รับสายรัดข้อมือ มาผูกความปรารถนาอะไรก็ได้รอบๆ ต้นไม้
กระดาษความปรารถนาไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
เวลาผ่านไป ก็ไม่ค่อยมีคนมาติด คนที่ติดก็คือคนที่ถูกพูดชักชวนให้เข้าร่วม คนที่มีความตั้งใจจะติดเองแทบไม่มีเลย
ยอมรับความผิดพลาด และอำลาความคิดนี้
จากบทเรียนของสายรัดข้อมูลทำให้นักเรียนกลุ่มนี้เข้าใจความหมายของคำที่มักพูดในหมู่ผู้ประกอบการที่ว่า “ล้มก่อน ล้มให้เร็ว” (Fail Early, Fail Fast) ดังนั้น ทางทีมต้องกล้ายอมรับความล้มเหลวในครั้งนี้
พร้อมต้อนรับไอเดียใหม่ เมื่อล้มเหลว
และพร้อมที่จะก้าวไปสู่ไอเดียถัดไป ถัดไป ๆ ๆ เรื่อยๆ จนเจอไอเดียที่ใช่และประสบความสำเร็จ
ไอเดีย, ความเป็นเจ้าของธุรกิจ, และความล้มเหลว เป็นสิ่งที่ต้องเจอและควรเฉลิมฉลองไปกับมัน นี่คือบทสรุปของนักเรียนกลุ่มนี้
ความจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับจักรวาล
หลังจากจบวิดีโอตัวอย่างทั้ง 3 คลิป อาจารย์ทีน่าก็สรุปออกมาด้วยประโยคสั้นกินใจคือ
กิจกรรมสร้างการ์ดสินค้าเพื่องานอนุรักษ์โลก
ไม่รอช้า อาจารย์ทีน่าก็ให้นักเรียนได้ทดลองทำกิจกรรมจากเนื้อหาที่ได้พึ่งเรียนรู้ไป ผ่านกิจกรรม <<สร้างการ์ดวันอนุรักษ์โลก ด้วยการ์ด 4 ใบ>> โดยสมมติเหตุการณ์ว่า การ์ดนี้จะเป็นสินค้าของบริษัทที่จะวางขายในงานเทศกาลวันอนุรักษ์โลก สินค้าตัวนี้จะเป็นการ์ด 4 ใบ ขายเป็นเซ็ตเพื่อรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เวลาในกิจกรรมนี้ทั้งหมด 30 นาที นักเรียนทั้ง 4 ทีม ต้องแข่งขันไอเดียกัน โดยต้อง
โดยทีมที่ชนะ อาจารย์ทีน่ามีของรางวัลแจกด้วยนะ เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันเยอะพอตัวนะเนี่ย
นักเรียนเลือกอุปกรณ์เพื่อไปใช้ระดมสมองและทำตัวต้นแบบ
การระดมสมองของนักเรียน
การโหวตผลงานด้วยแท่งไม้
การ์ดที่สามารถลอกออกได้
ทีมผู้ชนะได้นำเสนอไอเดีย การ์ดที่สามารถเอาขยะออกได้ โดยใช้ Post-It เป็นตัวขยะ ซึงทีมได้นำเสนอเรื่องราวว่า จงเปลี่ยนแปลงให้เป็นสิ่งที่คุณอยากจะเห็น หากเราต้องการให้โลกเราไม่มีขยะ ก็สื่อด้วยการดึง Post-It ออกไป (= ทำความสะอาด)
รายละเอียดการทำให้โลกสวยอยู่ด้านหลังของการ์ด
วิธีการที่จะลดพวกขยะเหล่านี้ได้ จะถูกเขียนอยู่ด้านหลังของการ์ด
หากไม่รู้ตลาด จงสร้างให้เร็ว ทดสอบ แล้วทำใหม่
อาจารย์ทีน่าได้สรุปกิจกรรมนี้ว่า การคิดสร้างสรรค์ภายใต้ความกดดันจะช่วยเร่งการตัดสินใจให้เราเลือกเอาความคิดสักอันจากสิบๆ ความคิด มาทดสอบเพื่อให้ได้ความคิดเห็นจากผู้ใช้ (Feedback) ให้เร็วที่สุด ในกรณีเช่นนี้เราจะทำเมื่อ เราไม่รู้จักตลาดเลยหรือไม่แน่ใจเลยว่าไอเดียมันจะเวิร์คไหมสำหรับตลาด ตัวต้นแบบที่ทำออกมาจึงทำออกแบบออกมาเพียงแค่พอทดสอบก็พอ
อาจารย์ทีน่าพูดซ้ำอีกครั้งเหมือนคลาสวันที่ 2 ที่ว่า ปัญหาใหญ่ของพนักงานบริษัทคือ พยายามทำตัวต้นแบบออกมาให้สวยงาม ทุ่มเทเวลาสร้างมันเป็นเวลานาน จนต้องผูกมัดตัวเองกับไอเดียที่ยังไม่ได้ทดสอบกับผู้ใช้ ทำให้ไม่ได้ผลตอบรับอะไรเลย (Feeback) และยากที่จะยอมรับหากมันล้มเหลว
แต่เมื่อเราได้ความคิดเห็นและผลตอบรับจากผู้ใช้แล้ว ก็ต้องนำเอาปรับเปลี่ยนแล้วทำตัวต้นแบบให้มีความสมบูรณ์และสวยงามขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสินค้าที่พร้อมวางขายในตลาดจริงๆ
ความประทับใจของแดน
อาจารย์ทีน่าได้ชี้ประเด็นว่า การสร้างเรื่องราว แล้วมาสร้างตัวต้นแบบ จะมีประสิทธิภาพมากกว่า การสร้างตัวต้นแบบ แล้วค่อยมาสร้างเรื่องราว นี่จึงเป็นสิ่งที่แดนได้เรียนรู้ใหม่ในวันนี้
อาจารย์ทีน่ามีเรื่องเล่าจากประสบการณ์ในคลาสว่า ถ้าเธอเริ่มคลาสของเธอด้วยคำว่า ฉันกำลังจะเล่าเรื่อง… นักเรียนที่กำลังจ้องหน้าจอคอม หรือใครที่กำลังเล่นเฟสบุ๊คอยู่ จะเงยขึ้นมาทันที แล้วมองเธอด้วยสายตาที่พร้อมจะฟังเรื่องราวต่อ นี่คือพลังของการเล่าเรื่องราว
อยากให้คนจดจำ ต้องเล่าเรื่อง
การเล่าเรื่องราวเป็นกรอบเครื่องมืออันสวยงามที่พร้อมให้คุณได้ใส่ความจริงทั้งหมดเข้าไป ความจริงซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากให้คนอื่นรู้ การสื่อสารด้วยการเล่าเรื่องราวเป็นทักษะที่ทรงพลังมากที่สุดที่เราควรจะมีไว้ และมันใช้เวลาในการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เราจำเป็นต้องเข้าใจผู้ฟัง เข้าใจประโยคดึงใจ (Hook) ที่จะจับพวกเค้าให้อยู่ เรื่องราวเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนจำได้ ถ้าเราต้องการให้ใครบางคนจดจำเรื่องบางอย่างและมีอารมณ์ร่วมเฉพาะคน เราจำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องราว
ในตอนหน้าคือ ‘เรียนรู้ความคิดสร้างสรรค์ด้วยการเล่นไพ่’ (Learn creativity with playing cards) อย่าพลาดเกมสนุกๆ อย่างนี้เลยเชียวนะ (=^▽^=)
Tagged creativity, entrepreneurial thinking, Tina Seelig, ความคิดสร้างสรรค์
สวัสดีครับ ผมชื่อฟริ้นครับ รักและชอบงาน Graphic Design เอามากๆ เลย พอได้เริ่มทำงานเป็น UI Designer แล้ว ยิ่งสนุกขึ้นอีกแยะ งานออกแบบที่ใช้ความรู้สึกและเหตุผลเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ ครับ
เว็บเกี่ยวกับ User Interface และ User Experience Design แห่งแรกของประเทศไทย รวบรวม หยิบยก ประเด็นสนุกๆ มาคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้หน้าจอของเราสดใหม่อยู่ตลอด โดยดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบ Bake a web
เราให้บริการปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับ UI ทั้งเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ซึงจะช่วยให้สินค้าของคุณใช้งานง่ายได้อย่างราบรื่น
มือถือ 086 602 4821Bake a Web บริการออกแบบเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ที่จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของร้านที่สวย เรียบง่าย พร้อมฟังก์ชันการบริหารจัดการสินค้าและร้านค้าของคุณอย่างมืออาชีพ