รีวิวเว็บ รีวิวเว็บ Zalora By uiblogaziner August 31, 20142880 views ShareTweet 0 ผมชอบที่จะรีวิวเว็บประเภท e-commerce ด้วยเหตุที่เว็บในหมวดนี้มักมีลูกเล่นหรือ interface ที่ได้นำแนวคิดและทฤษฎีมากมายเพื่อมาทำให้เว็บบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุด ซึ่งก็คือการทำให้ผู้ใช้ส่งคำสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ เว็บ Zalora ก็เป็นเว็บ e-commerce แบรนด์ต่างชาติอีกเช่นเคยที่เน้นขายสินค้าประเภทแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า มาดู interface หน้าแรกกันเลยครับ หน้าแรกของเว็บ Zalora น่าสนใจที่ตรง ‘การเลือกดูสินค้าตามเพศ’ เพราะเป็นสินค้าแฟชั่นทั้งชายและหญิง ดังนั้นหน้านี้จึงเน้น call-to-action ที่ให้เราเลือกเพศเป็นอันดับแรกก่อนเลย ดีกว่าที่จะแสดงสินค้าแบบผสมปนๆ กันไป ด้านบนของภาพดึงสายตา (hero image) จะเป็นฟีเจอร์ที่ทางเว็บต้องการทำให้ลูกค้าเชื่อใจในบริการ ซึ่งได้แก่เรื่อง คืนสินค้าภายใน 30 วัน การจัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบ 490 บ. จ่ายเงินเมื่อได้รับของ เบอร์ call center ทั้ง 4 ข้อนี้เป็นเหมือนหัวใจหลักของธุรกิจ e-commerce ในเมืองไทยก็ว่าได้ครับ และจะมีไม่กี่บริษัทที่สามารถกล้ารับรองและให้บริการได้เช่นนี้ (เว็บผมเองยังทำไม่ได้ครบเลยครับ) ผมย้ำว่าในเมืองไทยนะครับ เพราะถ้าเป็นที่อื่นที่มีความปลอดภัยในการชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตสูง เรื่องการจ่ายเงินตอนรับของอาจไม่จำเป็นก็ได้ เรื่องดีๆ เช่นนี้ อย่าเอาไปแสดงที่ด้านล่างของเว็บนะครับ เสียของเปล่าๆ เอามาโชว์ร่าให้เห็นอย่างนี่้แหละครับ แนะนำๆ ส่วนทางด้านมุมซ้ายล่างจะเป็นการโปรโมตลูกค้าให้ลองซื้อสินค้ากับ Zalora ดู ด้วยการให้เงิน 250 บ. ฟรีๆ แต่หารู้ไม่ว่าบริษัทได้อะไรมากกว่านี้เยอะครับ แรกสุดก็คือ อีเมลของเราไง เอาไปทำ e-mail marketing ที่จะคอยส่งอีเมลรายการสินค้ายั่วกิเลสเราทุกวันๆ ใครจะทนไหว ถ้าเราเลือนหน้าลงมา ก็จะพบ interface ‘sticky header’ เหมือนลูกพี่ลูกน้องอย่าง Lazada ใช้เลย ผมลองเลือกดูสินค้าในหมวดรองเท้าผ้าใบ ก็เห็นว่าน่าจะมีจุดที่ควรปรับปรุง 4 ข้อ ได้แก่ แบนเนอร์ที่โฆษณาควรมีปุ่มปิด เพื่อขยับเอาพื้นที่แสดงรายการสินค้าขึ้นมา รูปแสดงประเภทสินค้าดูใหญ๋เกินไปและไม่จำเป็น เพราะรูปรายการสินค้าก็เป็นเสมือนตัวอย่างสินค้าให้แล้ว breadcrumb มาอยู่เกือบครึ่งหน้าจอ (สำหรับจอโน้ตบุ๊ค) และต่ำแหน่งนี้ก็ไม่ได้เป็นที่ที่เว็บทั่วไปใช้กัน ควรจะไปวางไว้บริเวณด้านบนข้างล่างส่วนที่แสดง “รับสินค้าคืน…จัดส่งฟรี…” จะดีกว่า (ดูเรื่อง ความทรงจำและความลืมเลือนตอนที่ 2 ประกอบ) popup รับคูปองมันไปบังส่วนแสดงผลแถบหมวดหมู่สินค้าและเครื่องมือฟิลเตอร์ ควรจะอนุญาตให้ยูสเซอร์สามารถปิดหน้าต่างนี้ได้ ไม่ใช่แค่ย่อ พอเราเอาเมาส์ไปวางไว้บนสินค้าก็จะมีข้อมูลเรื่องไซส์เพิ่มเติมอยู่ด้านล่าง การแสดงสินค้าลดราคา ทางเว็บแสดงทั้งราคาก่อนลดและหลังลด แถมมี tag บอกลดไปกี่ % ทำออกมาได้ดีแล้วครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ควรจะขีดฆ่าราคาปกติเหมือนที่ผมแสดงให้เห็นตามรูปบนด้านขวาน่าจะดีกว่าครับ เข้าใจง่ายขึ้นและได้ฟิลลิ่งของลดราคาด้วย ผมลองใช้ filter เลือกดูสินค้าราคา 1,500 – 2,000 และเอาสีเหลือง ผลลัพธ์ก็น่าพอใจ แต่คราวนี้ผมอยากจะเอา filter ออกนี่ซิ ต้องมานั่งเอาออกทีละตัว คงจะดีไม่น้อยถ้ามีปุ่มที่ให้เคลียร์ filter ออกทั้งหมดในคราวเดียวใช่ไหมครับ มาดูหน้าแสดงรายละเอียดสินค้ากันครับ ข้างบนเป็นส่วนแสดง breadcrumb อันนี่ซิทำมาได้ถูกต้อง ไม่เหมือนกับหน้าที่แล้วที่ไปอยู่ที่อื่น (เว็บขาด consistency จากการเปลี่ยนตำแหน่ง interface ที่มีฟังก์ชันเหมือนกัน ทำให้เราต้องจำมากขึ้น) การดูรูปสินค้าเราเพียงเอาเมาส์ไปวางที่ภาพเล็กๆ ด้านซ้ายก็จะเปลี่ยนภาพให้ทันที ไม่จำเป็นต้องกดที่ภาพ สะดวกดีครับ ถ้าต้องการดูภาพขยายก็เอาเมาส์ไปวางที่ภาพหลักเท่านั้นเอง รูปสินค้าถ่ายมาได้สวยงามจัดฉากดีครับ ขายของต้องอย่างนี้นะครับ จำไว้ๆ แต่มีตรงหนึ่งที่อยากติหน่อยก็คือ ปุ่มที่อยู่ตรงบรรทัด deliver above 490 THB พอกดแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนปุ่ม 2 อันล่าง พอกดแล้วหน้าจะเลื่อนลงไปเปิด tab ด้านล่างที่มีข้อมูลหัวข้อนั้นอยู่ให้เราเลยครับ ยูสเซอร์คาดหวังเสมอว่า กดปุ่มต้องมี action หรือ อะไรตอบสนองนะครับ อย่าเงียบ เดี๋ยวยูสเซอร์งอน ติไปแล้วขอชมบ้าง ผมชอบ popup ที่ขึ้นมาให้เราเลือกไซส์ตอนที่เอาเมาส์ไปวางที่ปุ่ม ‘ADD TO BAG’ กรณีที่เรายังไม่ได้เลือกไซส์จากช่อง (กรอบสีแดง) ด้านบน แทนที่จะขึ้นข้อความเตือนให้เสียเวลา ก็แสดงตัวเลือกที่จำเป็นต้องใส่ให้ยูสเซอร์เลือกไปเลยจาก popup (popup นี้เป็นเสมือนข้อความเตือน + ตัวเลือกไซส์ในคราวเดียว แถมเป็น action ที่ user ยังไม่ได้คลิกที่ปุ่มด้วย เสียพลังงานน้อยกว่าเห็นๆ) พอเลือกไซส์เสร็จ ก็ถึงคราว check-out เสียที หน้านี้ผมชอบตรงที่เค้าวางปุ่ม ‘เอาสินค้าออก (Remove)’ ไว้รวมกับรายละเอียดสินค้า แทนที่จะไปไว้ข้างหลังปุ่มแสดงจำนวนสินค้า เพราะเราคงไม่อยากให้ลูกค้าเอาสินค้าออกจากถุงใช่ไหมล่า ถ้ามันเป็นปุ่มเห็นง่ายๆ ก็จะมีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะเลือกเอาสินค้าออกไป เวลาที่ใช้ในการจัดส่งก็แสดงชัดเจนดีตั้งแต่หน้ารายละเอียดสินค้าจนถึงหน้านี้ ส่วนแสดงสินค้าที่ ‘คุณอาจจะชื่นชอบด้วย’ ตรงด้านล่าง ความจริงน่าจะแสดงในหน้ารายละเอียดสินค้าตรงข้างล่างมากกว่าในความคิดของผม เพราะในหน้านี้เหมือนว่าลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อไปแล้ว และไม่อยากจะเพิ่มของอะไรเข้าถุงอีก ถ้าจำได้ก่อนหน้านี้จะมีปุ่มถามว่า ‘จะช้อปต่อ’ หรือ ‘จ่ายเงินเลย’ ลูกค้าต้องเลือกตัวเลือกทีสองถึงมาที่หน้านี้ได้ แนวคิดที่นำเสนอขายของในหน้านี้อาจมาจากที่เรากำลังรอจ่ายเงินที่เคาเตอร์แคชเชียร์ตามซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วมีสินค้าวางล่อตาล่อปากอยู่บริเวณนั้น ระหว่างที่รอนั้น เราก็อาจตัดสินใจเพิ่มสินค้าเข้าไปในตะกร้าโดยที่ไม่รู้ตัว หรือพอตอนจ่ายเงินแล้วรู้ว่า ถ้าซื้อครบเท่านี้แล้วจะได้ของแถม แต่ขาดยอดไปนิดหน่อย เราก็หยิบสินค้าแถวนั้นเข้าไปคิดเงินเพื่อให้ได้โปรนั้นๆ แต่กรณีของ e-commerce เราไม่มี counter เช่นนั้นครับ เราไม่จำเป็นต้องรอ เราต้องการอะไรที่รวดเร็ว กดปุ๊ปได้ปั๊ป อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปได้ที่จะนำเสนอสินค้าอย่างอื่น แต่เราต้องสร้างความอยากให้กับยูสเซอร์แบบที่ผมได้อธิบายไปแล้ว เช่น อาจจะบอกว่า ‘ซื้อสินค้าชิ้นนี้เพิ่ม จะได้รับส่วนลดรวมเป็น 20%’ เป็นต้น หรือแสดงรูปนาย/นางสาว/นางแบบที่กำลังใส่รองเท้าที่เราเลือกซื้ออยู่ แต่เผอิญชุดที่ใส่อยู่ก็มีวางขายในร้านด้วย เราก็สามารถนำเสนอขายสินค้าเป็นชุดนี้ได้ เพราะลูกค้าเห็นแล้วว่า ถ้าใส่เสื้อผ้าชุดนี้ มันจะดูเข้ากับรองเท้าของเค้าจริงๆ ไม่ใช่ไปแสดงเสื้อผ้าชุดไหนก็ไม่รู้ ที่ไม่มีเหตุผลในการนำเสนอขายเพิ่มเติม ร่ายซะยาวเตรียมจ่ายตังค์ดีกว่า จากนั้นก็เตรียมตัวเสียตังค์ เราก็ต้องบอกว่าเราเป็นลูกค้าเก่า (มี account)หรือใหม่ กรณีนี้ผมเลือกเป็น ‘ลูกค้าใหม่’ ของ Zalora จากนั้นระบบก็จะนำเรามาสู่หน้า payment form ผมจะแสดงรูปให้เห็นในมุมมองกว้างก่อน Zalora เลือกใช้ฟอร์มแบบให้กรอกข้อมูลภายในหน้าเดียว แทนที่จะแบ่งออกเป็นขั้นตอนๆ แต่ก็แบ่งส่วนข้อมูลออกได้ชัดเจนดีครับว่า คอลัมน์แรกเป็นที่อยู่จัดส่ง สองเป็นวิธีจ่ายเงิน สามเป็นใบเสร็จ หากผมเลือกวิธีจ่ายเงินเป็นบัตรเครดิต และเลือกให้ระบบจำข้อมูลบัตร ครั้งหน้าก็ไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลตรงส่วนนี้ซ้ำ แต่เราก็ต้องไว้ใจเว็บที่ให้บริการฟังก์ชันนี้ด้วยว่า เค้าจะไม่แอบเอาข้อมูลนี้ไปใช้หรือถูกแฮกได้ ดังนั้นก็ระวังๆ หน่อยนะครับ (・ω・)/ อย่าง Zalora ก็มีการเลือกใช้บริการและหยิบยืมแบรนด์ความน่าเชื่อถือจากผู้ให้บริการความปลอดภัยด้านธุรกรรมบน Internet เพื่อให้ลูกค้าเกิดความอุ่นใจในการเลือกใช้ฟังก์ชันด้านบน หรือมีการจ่ายเงินผ่านเครือข่าย internet แล้วก็อีกอย่าง ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือบังเอิญ Zalora ทำให้พื้นที่ในการคลิกเลือก radio button และ checkout รวมเอาตัวหนังสือเข้าไปด้วย ทำให้ยูสเซอร์คลิกเลือกได้ง่ายขึ้นครับ พอส่งคำสั่งซื้อแล้ว เรายังสามารถตรวจสอบสถานะการส่งสินค้าได้ตลอดเวลาด้วย เมนูจะอยู่ที่ Account > Order Tracking ตรงด้านบนขวา แต่ถ้าเราส่งของผ่านไปรษณีย์ไทยก็ควรมีลิงค์ให้ไปหน้าตรวจสถานะการส่งสินค้าด้วยเหมือนกันนะครับ ทั้งหมดนี้คือการสร้างให้ยูสเซอร์เกิดความมั่นใจและเชื่อถือในการคลิกเลือกจ่ายตังค์ให้กับ Zalora ครับ และมันก็คือ หัวใจหลักของทำธุรกิจทุกๆ อย่างเช่นกันครับ ที่จะทำให้ลูกค้ายอมควักตังค์ออกจากกระเป๋านั่นเอง( ̄▽+ ̄*)