Design Exciteเรื่องเด๊นเด่น คิดให้ปังดังทั่วโลกแบบนักเรียนสแตนฟอร์ด ตอนที่ 5: สร้างสินค้าใหม่ใน 30 นาที By uiblogaziner July 10, 20172467 views ShareTweet 0 กิจกรรมวอร์มอัพประจำวัน เกมสร้างประโยคสุภาษิต คลาสวันที่ 5 อาจารย์ทีน่าจะโฟกัสเรื่อง “การเล่าเรื่องราว (Storytelling)” และการคิดสร้างสรรค์ภายใต้ความกดดัน แต่ก่อนจะเริ่มเนื้อหาก็ต้องผ่านการวอร์มอัพซะก่อน กิจกรรมวันนี้คือ การต่อคำจนเป็นประโยคให้เหมือนสุภาษิต (ไม่ต้องคิดจริงจังนะว่าต้องเป็นคำสุภาษิต) เมื่อประโยคสมบูรณ์ ทุกคนต้องทำท่าตามที่เตี๊ยมไว้ และพูดว่า เยสๆๆๆๆ.. กติกามีอยู่ว่า แต่ละคนจะพูดคำหนึ่งคำเพื่อสร้างเป็นประโยคให้สมบูรณ์ หลังจากพูดเสร็จ คนต่อไปก็พูดคำต่อไป พอได้ประโยคที่สมบูรณ์แล้ว ทุกคนก็จะพูดว่า เยสๆๆๆ แล้วก็เริ่มพูดคำของประโยคใหม่ พูดจนครบทุกคนอย่างสนุกสนานแล้ว ก็แยกย้ายเตรียมเรียนหนังสือกันเลย หัวข้อคลาสวันนี้คือ การบอกเล่าเรื่องราว คลาสในวันนี้อาจารย์ทีน่าจัดขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนเตรียมพรีเซนเทชันของโปรเจ็คที่ได้มอบหมายให้ไปทำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องราว (Storytelling) การเล่าเป็นเรื่องราวเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ไม่ว่าเราจะไปนำเสนอไอเดียทางธุรกิจ หรือการพยายามจะทำให้เด็กๆ เชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะทุกๆ การสื่อสารมันคือเรื่องราวทั้งสิ้น สิ่งสำคัญในการเล่าเรื่องราวอันดับแรก คือ ประโยคดึงใจ (Hook) หรือ ฮุค เราต้องหา ฮุค ที่ทำให้เกิดอารมณ์ประหลาดใจ, ความกลัว, ความแปลกตา หรือสรุปรวมคือ ฮุคที่สร้างอารมณ์ (Emotional Hook) อาจารย์ทีน่าได้ยกตัวอย่าง ฮุค จากหนังสือ 5 เล่ม มาแสดง ตัวอย่างประโยคดึงใจ ประโยคดึงใจจากหนังสือ 5 เล่ม It was a bright , cold day in April. And the clocks were striking 13 – มันเป็นวันที่แสนสดใสและเหน็บหนาวในเดือนเมษายน นาฬิกาก็กำลังตีบอกเวลาตอน 13 นาฬิกา I am an invisible man – ฉันเป็นมนุษย์ล่องหน I am writing this, sitting in a kitchen sink ฉันกำลังเขียนสิ่งนี้ ขณะกำลังนั่งที่อ่างล่างจานตรงห้องครัว This is the saddest story I have ever heard – นี่คือเรื่องราวที่สุดเศร้าเหลือเกินเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา What would do to earn money if you all you had was 5 dollars and 2 hours – คุณจะทำอะไร ถ้าทั้งหมดที่คุณมีคือ เงิน 5 ดอลลาร์ กับ เวลา 2 ชั่วโมง โดยตัวอย่างที่ 5 มาจากหนังสือของอาจารย์ทีน่าเองล่ะ (หนังสือ น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20) จากนั้นอาจารย์ก็แสดงวิดีโอของรุ่นพี่ที่ชนะใจอาจารย์ให้กับนักเรียนได้ดูกัน 3 คลิป ในงาน Innovation Tournament ที่จัดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่าน โดยโจทย์ที่อาจารย์มอบหมายคือ ให้แต่ละทีมสร้างคุณค่าให้กับสิ่งของที่ได้รับให้มากที่สุด หนึ่งในสิ่งของที่ใช้ประกวดก็คือ สายรัดข้อมือ ดูแบนด์ – สายรัดข้อมือแห่งความตั้งใจทำ สายรัดข้อมือดูแบนด์ ใส่แล้วต้องทำ นักเรียนกลุ่มนี้เล่าเรื่องราวว่า คนเรามีสิ่งที่อยากทำมากมาย แต่ก็ไม่ได้ทำสักที เลยคิดนำเสนอคอนเซปต์สายรัดข้อมือซึ่งมีกฎการใช้งานง่ายๆ เพียง 3 ข้อ คือ สวมใส่พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะทำสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ เมื่อทำตามที่ให้สัญญาสำเร็จ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ DoBand แล้วทำการบันทึกข้อมูลความสำเร็จให้ตรงกับหมายเลขสายรัดข้อมูลที่ได้รับ ส่งต่อสายรัดข้อมือให้คนอื่น ผลลัพธ์จากผู้คนที่ใส่ดูแบนด์ ผลลัพธ์ของแคมเปญนี้ทำให้เกิดเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงดีๆ ขึ้นมากมาย เช่น ฉันให้เงินกับคลาร์กคนไร้บ้านไปเพื่อให้เค้าเอาไปซักเสื้อ ตั้งใจจะทำมานาน ฉันจูบภรรยาด้วยความรู้สึกยินดี ฉันกินอาหารเพื่อสุขภาพมากๆ เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาที่แสนยาวนานจริงๆ พวกเราบริจาคเงิน 300 ดอลลาร์ให้กับองค์กรการกุศล ซึ่งพวกเราตั้งใจจะทำมันมานานแล้ว ชูแบนด์ – สายรัดร้องเท้า เชือกรองเท้าถูกเครื่องดูดฝุ่นดูดเข้าไป การเล่าเรื่องราวของนักเรียนกลุ่มที่ 2 เริ่มด้วยการชี้ให้เห็นปัญหาของสายผูกเชือกรองเท้า บางทีมันก็ไปติดกับล้อซี่จักรยาน, หรือไปติดกับเครื่องดูดฝุ่น เพื่อนกลั่นแกล้งเอาเชื่อกรองเท้ามาผูกให้เราเดินสะดุด ซ้ำร้ายไปอีก ยังทำให้ตกเป็นเป้าให้เพื่อนได้กลั่นแกล้งอีกด้วย ชูแบนส์ (Shoe Bands) คือทางออก ทางออกที่นำเสนอคือ ให้หันมาใช้สายรัดรองเท้า (Shoe Bands) แทนเชือกผูกรองเท้า ตัวอย่างคือ เพื่อนไม่สามารถแกล้งได้อีกแล้ว แล้วทุกปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นจะไม่พบอีกเลย ใช้การเล่าเรื่องราวว่ามีทีม R&D เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทางทีมยังมีเล่าเรื่องสร้างความน่าเชื่อถือใหักับตัวสินค้าอีก ทั้งมีการวิจัยและพัฒนาวัสดุ เล่าเรื่องราวจากเหตุการณ์ให้เห็นภาพ แล้วยกตัวอย่างกรณีคนที่ไม่ใช้สายรัดรองเท้า ที่ถูกหมีทำร้าย เพราะสะดุดเชือกรองเท้าตัวเอง ทำให้วิ่งหนีไม่ทัน แสดงตัวอย่างคนที่ใช้สินค้า รวมถึงตัว CEO ของบริษัทก็ใช้สายรัดรองเท้าเหมือนกัน ดูแล้วสร้างความตลก สนุกสนานได้ไม่น้อยทีเดียวครับสำหรับการนำเสนอเรื่องราวของนักเรียนกลุ่มนี้ ต้นไม้แห่งความปรารถนา ต้นไม้ที่คอยให้คนมาเขียนห้อยความปรารถนา สำหรับคลิปวิดีโอตัวอย่างที่ 3 นี้ อาจารย์ทีน่าบอกว่าชื่นชอบเป็นพิเศษเลย เพราะนักเรียนกลุ่มนี้ ล้มเหลวในการพยายามสร้างคุณค่าของสายรัดข้อมือ แต่สุดท้ายการนำเสนอของกลุ่มกลับนำเอาความล้มเหลวนี้มาเป็นจุดเด่นแล้วเปลียนมันให้กลายเป็น ฮุค จนประสบความสำเร็จ นักเรียนกลุ่มนี้มาจากคณะวิศวะ, หมอ, ธุรกิจ ก็ได้ไปชนะเลิศในการแข่งขันของมหาลัยด้วย ซึ่งเข้าใจได้ไม่ยากเลย จากความสำเร็จของพวกเขา เพราะจากวิดีโอนี้ทำให้รู้เลยว่า พวกเค้าเข้าใจถึงคุณค่าของการทำตัวต้นแบบอย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะลองใหม่อีกครั้งๆ และยอมรับความผิดพลาด นี่คือวิดีโอที่นักเรียนกลุ่มนี้ได้นำเสนอครับ มีการ์ดมาห้อยรอบต้นไม้จำนวน 14 ใบ คอนเซ็ปต์ของนักเรียนกลุ่มนี้คือ การสร้างต้นไม้แห่งความปรารถนา ให้คนที่ได้รับสายรัดข้อมือ มาผูกความปรารถนาอะไรก็ได้รอบๆ ต้นไม้ กระดาษความปรารถนาไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย เวลาผ่านไป ก็ไม่ค่อยมีคนมาติด คนที่ติดก็คือคนที่ถูกพูดชักชวนให้เข้าร่วม คนที่มีความตั้งใจจะติดเองแทบไม่มีเลย ยอมรับความผิดพลาด และอำลาความคิดนี้ จากบทเรียนของสายรัดข้อมูลทำให้นักเรียนกลุ่มนี้เข้าใจความหมายของคำที่มักพูดในหมู่ผู้ประกอบการที่ว่า “ล้มก่อน ล้มให้เร็ว” (Fail Early, Fail Fast) ดังนั้น ทางทีมต้องกล้ายอมรับความล้มเหลวในครั้งนี้ พร้อมต้อนรับไอเดียใหม่ เมื่อล้มเหลว และพร้อมที่จะก้าวไปสู่ไอเดียถัดไป ถัดไป ๆ ๆ เรื่อยๆ จนเจอไอเดียที่ใช่และประสบความสำเร็จ ไอเดีย, ความเป็นเจ้าของธุรกิจ, และความล้มเหลว เป็นสิ่งที่ต้องเจอและควรเฉลิมฉลองไปกับมัน นี่คือบทสรุปของนักเรียนกลุ่มนี้ สิ่งสร้างสรรค์จักรวาล ความจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับจักรวาล หลังจากจบวิดีโอตัวอย่างทั้ง 3 คลิป อาจารย์ทีน่าก็สรุปออกมาด้วยประโยคสั้นกินใจคือ [quote]”จักรวาลสร้างขึ้นจากเรื่องราว ไม่ใช่อะตอม” (The Universe is made up of stories, not atoms)[/quote] สร้างการ์ดงานอนุรักษ์โลก กิจกรรมสร้างการ์ดสินค้าเพื่องานอนุรักษ์โลก ไม่รอช้า อาจารย์ทีน่าก็ให้นักเรียนได้ทดลองทำกิจกรรมจากเนื้อหาที่ได้พึ่งเรียนรู้ไป ผ่านกิจกรรม <<สร้างการ์ดวันอนุรักษ์โลก ด้วยการ์ด 4 ใบ>> โดยสมมติเหตุการณ์ว่า การ์ดนี้จะเป็นสินค้าของบริษัทที่จะวางขายในงานเทศกาลวันอนุรักษ์โลก สินค้าตัวนี้จะเป็นการ์ด 4 ใบ ขายเป็นเซ็ตเพื่อรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เวลาในกิจกรรมนี้ทั้งหมด 30 นาที นักเรียนทั้ง 4 ทีม ต้องแข่งขันไอเดียกัน โดยต้อง ระดมสมอง สร้างการ์ดตัวต้นแบบ นำเสนอขายไอเดียให้เพื่อนในคลาสฟัง ภายใน 30 วินาที โหวตไอเดียที่ชอบ โดยแต่ละคนมีหนึ่งเสียง และห้ามโหวตให้กับทีมตัวเอง โดยทีมที่ชนะ อาจารย์ทีน่ามีของรางวัลแจกด้วยนะ เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันเยอะพอตัวนะเนี่ย นักเรียนเลือกอุปกรณ์เพื่อไปใช้ระดมสมองและทำตัวต้นแบบ การระดมสมองของนักเรียน การโหวตผลงานด้วยแท่งไม้ ผู้ชนะ การ์ดที่สามารถลอกออกได้ ทีมผู้ชนะได้นำเสนอไอเดีย การ์ดที่สามารถเอาขยะออกได้ โดยใช้ Post-It เป็นตัวขยะ ซึงทีมได้นำเสนอเรื่องราวว่า จงเปลี่ยนแปลงให้เป็นสิ่งที่คุณอยากจะเห็น หากเราต้องการให้โลกเราไม่มีขยะ ก็สื่อด้วยการดึง Post-It ออกไป (= ทำความสะอาด) รายละเอียดการทำให้โลกสวยอยู่ด้านหลังของการ์ด วิธีการที่จะลดพวกขยะเหล่านี้ได้ จะถูกเขียนอยู่ด้านหลังของการ์ด สร้างให้เร็ว รู้ให้ว่อง หากไม่รู้ตลาด จงสร้างให้เร็ว ทดสอบ แล้วทำใหม่ อาจารย์ทีน่าได้สรุปกิจกรรมนี้ว่า การคิดสร้างสรรค์ภายใต้ความกดดันจะช่วยเร่งการตัดสินใจให้เราเลือกเอาความคิดสักอันจากสิบๆ ความคิด มาทดสอบเพื่อให้ได้ความคิดเห็นจากผู้ใช้ (Feedback) ให้เร็วที่สุด ในกรณีเช่นนี้เราจะทำเมื่อ เราไม่รู้จักตลาดเลยหรือไม่แน่ใจเลยว่าไอเดียมันจะเวิร์คไหมสำหรับตลาด ตัวต้นแบบที่ทำออกมาจึงทำออกแบบออกมาเพียงแค่พอทดสอบก็พอ อาจารย์ทีน่าพูดซ้ำอีกครั้งเหมือนคลาสวันที่ 2 ที่ว่า ปัญหาใหญ่ของพนักงานบริษัทคือ พยายามทำตัวต้นแบบออกมาให้สวยงาม ทุ่มเทเวลาสร้างมันเป็นเวลานาน จนต้องผูกมัดตัวเองกับไอเดียที่ยังไม่ได้ทดสอบกับผู้ใช้ ทำให้ไม่ได้ผลตอบรับอะไรเลย (Feeback) และยากที่จะยอมรับหากมันล้มเหลว แต่เมื่อเราได้ความคิดเห็นและผลตอบรับจากผู้ใช้แล้ว ก็ต้องนำเอาปรับเปลี่ยนแล้วทำตัวต้นแบบให้มีความสมบูรณ์และสวยงามขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสินค้าที่พร้อมวางขายในตลาดจริงๆ ข้อคิดเด่น ความประทับใจของแดน อาจารย์ทีน่าได้ชี้ประเด็นว่า การสร้างเรื่องราว แล้วมาสร้างตัวต้นแบบ จะมีประสิทธิภาพมากกว่า การสร้างตัวต้นแบบ แล้วค่อยมาสร้างเรื่องราว นี่จึงเป็นสิ่งที่แดนได้เรียนรู้ใหม่ในวันนี้ อาจารย์ทีน่ามีเรื่องเล่าจากประสบการณ์ในคลาสว่า ถ้าเธอเริ่มคลาสของเธอด้วยคำว่า ฉันกำลังจะเล่าเรื่อง… นักเรียนที่กำลังจ้องหน้าจอคอม หรือใครที่กำลังเล่นเฟสบุ๊คอยู่ จะเงยขึ้นมาทันที แล้วมองเธอด้วยสายตาที่พร้อมจะฟังเรื่องราวต่อ นี่คือพลังของการเล่าเรื่องราว อยากให้คนสนใจ เล่าเรื่องซิ อยากให้คนจดจำ ต้องเล่าเรื่อง การเล่าเรื่องราวเป็นกรอบเครื่องมืออันสวยงามที่พร้อมให้คุณได้ใส่ความจริงทั้งหมดเข้าไป ความจริงซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากให้คนอื่นรู้ การสื่อสารด้วยการเล่าเรื่องราวเป็นทักษะที่ทรงพลังมากที่สุดที่เราควรจะมีไว้ และมันใช้เวลาในการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราจำเป็นต้องเข้าใจผู้ฟัง เข้าใจประโยคดึงใจ (Hook) ที่จะจับพวกเค้าให้อยู่ เรื่องราวเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนจำได้ ถ้าเราต้องการให้ใครบางคนจดจำเรื่องบางอย่างและมีอารมณ์ร่วมเฉพาะคน เราจำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องราว ในตอนหน้าคือ ‘เรียนรู้ความคิดสร้างสรรค์ด้วยการเล่นไพ่’ (Learn creativity with playing cards) อย่าพลาดเกมสนุกๆ อย่างนี้เลยเชียวนะ (=^▽^=)
คิดให้ปังดังทั่วโลกแบบนักเรียนสแตนฟอร์ด ตอนที่ 8: คิดประสบการณ์ใหม่ในการดื่มกาแฟ By uiblogazinerAugust 23, 20171
คิดให้ปังดังทั่วโลกแบบนักเรียนสแตนฟอร์ด ตอนที่ 7: เรียนรู้จากเจ้าของธุรกิจที่ชื่นชอบ By uiblogazinerAugust 1, 20170
คิดให้ปังดังทั่วโลกแบบนักเรียนสแตนฟอร์ด ตอนที่ 6: คิดสร้างสรรค์ด้วยการเล่นไพ่ By uiblogazinerJuly 25, 20170